สำหรับนักเดินทาง โรม (Rome) คือจุดหมายปลายทางที่หอมหวานเสมอ เรียกว่า ถ้ามี 10 เมืองในยุโรปที่อยู่ในหมวดจำเป็นต้องไป โรม ไม่มีทางหลุดโผ โรมจะช่วยฉายภาพอาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่และคลาสสิค ที่ซึ่งอารยธรรมตะวันตกถือกำเนิดขึ้น ในอดีตอาณาจักรโรมันรุ่งเรืองแค่ไหน อารยธรรมกว่า 2 พันปีที่อยู่คู่อาณาจักรโรมันเป็นเช่นไร โรมสาธยายไม่ได้ แต่บอกผ่านสถาปัตยกรรม สิ่งปลูกสร้าง ประติมา กรรมที่อยู่ตามจัตุรัส และโบสถ์เกือบพันแห่งที่อยู่กระจายอยู่ทั่วโรม
จัตุรัสนาโวนา (Piazza Navona)ที่นี่อาจไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของโรม แต่ลานกว้างแห่งนี้อยู่ด้วยแล้วสดชื่น เพลิดเพลินเจริญจิตดีแท้ ดงของศิลปินที่พากันมาปล่อยของดี น้ำพุสวยๆ ตึกรามสีสด เสาโอเบลิสก์ และคาเฟ่และร้านไอติมริมจัตุรัส เป็นเครื่องปรุงที่ทำให้เสน่ห์ของจัตุรัสนาโวนาไม่เคยเหือดแห้ง
การสร้างของวิหารงามแห่งนี้ แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยะแห่งการสรรค์สร้าง ของสถาปนิกสมัยโบราณ ซึ่งแพนธีออนนั้นสร้างขึ้นเมื่อ 27 ปีก่อนคริสตกาลโดยมาร์คัส กอกริปปา โดยได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่เมื่อช่วงต้นศตวรรษที่ 2 นอกจากสภาพที่ยังคงไม่ผุพังไปตามกาลเวลาแล้ว สิ่งที่น่าทึ่งอีกอย่างก็คือ การออกแบบอาคารให้มีความกว้าง 142 ฟุต และสูง 142 ฟุตเช่นกัน ประตูทางเข้าโลหะสีทองบรอนซ์ที่มีน้ำหนักถึง 20 ตัน ในสมัยกลางวิหารแพนธีออนได้กลายเป็นโบสถ์ทางคริสต์ศาสนา จึงยังคงสภาพเหมือนเมื่อแรกสร้างได้จนปัจจุบัน ทั้งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวทางการสู้รบในประวัติศาสตร์มานับไม่ถ้วน ไม่เพียงเท่านั้น แพนธีออนยังเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และคนสำคัญของอิตาลี อย่างพระเจ้าวิกเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 อีกด้วย
น้ำพุเทรวี่แห่งนี้ เริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง “Three Coins in the Fountain” แถวนี้ผู้คนเบียดแน่นจนแทบไม่มีที่ยืน เทรวี่จอแจกว่าที่ไหน ๆในโรม คงเป็นเพราะความสวยงามทางสถาปัตยกรรม จึงทำให้ผู้คนแห่แหนกันมามากขนาดนี้ แต่กว่าจะออกมาสวยแบบนี้ มีการสร้างขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งลงตัวที่แบบดีไซน์ของสถาปนิกชื่อฟรานเซสโก ซาลวี(Francesco Salvi )ในช่วงศตวรรษที่ 17 นี้เอง ส่วนกลางของน้ำพุนั้นมีรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) ขี่รถม้าติดปีก แสดงถึงความมีสุขภาพที่แข็งแรง และความอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักร
อีกมุมหนึ่งของโรมที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะเป็นของ”คู่บ้านคู่โรม” ขนาดคนทั้งโลกยอมโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ในยุคนี้ นั่นทำให้คอลอสเซี่ยมแห่งกรุงโรมต้องรับแขกเหรื่อจากต่างถิ่นไม่เว้นแต่ละวัน สำหรับสถานที่พิเศษแห่งนี้ ผู้มาโรมจึงไม่ควรใช้คำว่าแวะ แต่ถึงขั้นถ้ามีอย่างเดียวในโรมที่ต้องเห็น คุณต้องพุ่งไปหาคอลอสเซี่ยม อย่างไม่ต้องสงสัย
ว่ากันว่า อาณาจักรโรมันโบราณยิ่งใหญ่เพียงใด ให้มาดูได้ที่สนามกีฬากลางแจ้งแห่งนี้ คอลอสเซียมจุคนได้เท่าๆกับสนามฟุตบอลโอลิมปิค สเตเดียมในโรม จะต่างกันก็ตรงอายุของโอลิมปิค สเตเดียมไม่ถึงร้อยปี แต่คอลอสเซียมอายุเกือบ 2 พันปี กว่าจะก่อร่างสร้างสนามจนใหญ่โตได้แบบนี้ ต้องใช้นักโทษชาวยิวหมื่นกว่าคนมานั่งประติดประต่ออิฐและหินก้อนโตถึง 8 ปี
โอลิมปิค สเตเดียมมีไว้ดูนักฟุตบอลมาดวงแข้งกัน แต่คอลอสเซียมเป็นเวทีนักสู้มีไว้ใช้เป็นแหล่งบันเทิงเริงใจให้กษัตริย์ ขุนนาง คนในราชวงศ์และราชสำนัก และบรรดาชายชาวโรม
มาถึงโรมต้องไปนั่งทอดสายตาดูคลื่นคนที่แห่แหนกันมา เดินเล่นแถวบันไดสเปน ย่านที่มีแบรนด์ดัง คอยดักล้วงเงินยูโรจากกระเป๋าสาวนักช้อปมานักต่อนัก แต่คำสารภาพของนักเดินทางหลายคน บอกว่า พวกเขาไม่ได้ไปสอยข้าวของแบรนด์เนม แค่ไปนั่งดูสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนผ่านไปมา ทุกวันนี้ บันไดทั้ง 138 แทบไม่เคยว่างโล่งให้เห็นรอยเหยียบย่ำของผู้คน เพราะมันมักจะถูกก้นหลากสัญชาติของมนุษย์จับจองจนแทบไม่มีที่ว่าง
สำหรับสาวกแบรนด์เนม มุมนี้ราวกับสวรรค์บนดินของพวกเขา เพราะเมื่อยืนอยู่ใจกลางจัตุรัส ที่นำไปสู่ถนน Via Condotti เราต่างถูกล้อมจับไว้ด้วยแบรนด์ดังสารพัดยี่ห้อ ใครช้อปเหนื่อย อย่าลืมแวะพักเหนื่อยที่คาเฟ่ เกร็กโก ร้านกาแฟเก่าแก่ที่สุดของโรม
ละแวกนี้ไม่ได้เป็นย่านของพวกชาวสเปนที่มาพำนักอยู่ แต่เป็นเพราะในอดีตสถานทูตสเปนมาตั้งอยู่ละแวกนี้ เลยหยิบยืมชื่อมาใช้เรียกจัตุรัสกันดื้อๆ
ริ้วรอยแห่งความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ ไม่ได้อยู่แค่ที่คอลอสเซี่ยม แต่ในอาณาบริเวณใกล้ๆกัน ยังเป็นพาลาทิโน ฮิลล์ ซากปรักหักพังที่ฉายภาพให้เห็นเค้าโครงของอดีตแห่งโรมัน สมัยก่อนแถวนี้เป็นย่านของผู้มีอันจะกิน
ภาพแห่งความรุ่งเรืองของโรมันยิ่งแจ่มชัดขึ้น ถ้าเดินขยับไปแถวโรมัน ฟอรัมหรือที่ชาวอิตาลีเขาเรียกกันว่า Foro Romano เสาหิน ซุ้มประตู และวิหารอันเก่าแก่ทอดตัวเรียงรายอยู่ตรงนั้น ในอดีตมุมนี้คือศูนย์กลางย่านการค้า การเมือง และศาสนาของกรุงโรม หนุ่มสาวใช้เป็นที่พบปะสังสรรค์ คอการเมืองมีไว้นั่งสนทนาเรื่องปัญหาบ้านเมืองกัน ที่ๆสาวขี้อิจฉามานั่งจับกลุ่มซุบซิบนินทา จนกระทั่งโรมเดินเข้าสู่ยุคเสื่อมถอย โรมัน ฟอรัมก็ถูกปล่อยให้เสื่อมโทรมตามสภาพ ทุกอย่างเริ่มผุพังและแตกหัก แต่ก็ไม่ได้รับการเยียวยา และถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง
ทริปโรมของคุณจะยิ่งน่าจดจำ หากไปเดินหามุมดินเนอร์แถวย่านตราสเตเวเร หรือตามร้านรวงที่อยู่ริมแม่น้ำไทเบอร์ ลองเดินเลียบแม่น้ำไทเบอร์ในฝั่งตราสเตเวเร จะเป็นอีกมุมหนึ่งที่มีทั้งผับ ร้านอาหาร และตลาดนัดย่อมๆ มาเปิดแผงอยู่ เสียงเพลงในจังหวะคึกคักและบรรยากาศครื้นเครงหาได้จากแถวนี้ ชวนให้คู่รักหลายคู่จูบกันอย่างดูดดื่ม และถ้าใครมาเดี่ยว นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสทองที่เจอหนุ่มๆ ที่นั่งดริงค์ปรายตามองหาเพื่อนใหม่ ดูให้ดีละกัน ระหว่างเทพบุตรกับมิจฉาชีพ บางทีแอลกอฮอล์ก็ทำให้ผู้หญิงหลายคนแยกไม่ออก
ที่มา Bangkokbiznews.com
ภาพจาก www.pigus-skrydis.lt/palatino-kalva-italijoje/
คัดลอกจาก travel.mthai.com