เวลาทำการ

เปิดทุกวัน

ฉุกเฉินติดต่อได้ 24 ชม.

Book Now

@travelspree

Travel License : 11/06647

หน้าแรก

/

บทความท่องเที่ยว

/

ไฮไลท์ที่เที่ยวยอดฮิต ตุรกี ถ่ายรูปกี่ทีก็ปัง

ไฮไลท์ที่เที่ยวยอดฮิต ตุรกี ถ่ายรูปกี่ทีก็ปัง

27

Sep

ตุรกี

ไฮไลท์ที่เที่ยวยอดฮิต ตุรกี ถ่ายรูปกี่ทีก็ปัง

ถ้าพูดถึงประเทศสองทวีป ที่มีดินแดนอยู่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป เชื่อว่าหลายท่านต้องรู้จัก ประเทศตุรกี หรือ ตุรเคีย ถ้าใครอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศฟีลเที่ยวยุโรป แต่ไม่อยากเดินทางไกลจากเอเชีย ก็ต้องมาที่นี่เลย ประเทศตุรกี แอ๊ดบอกเลยว่าเป็นประเทศที่น่าไปสุดๆ และไปง่ายมาก เพราะคนไทยเราจองตั๋วไปได้เลยจร้า ฟรีวีซ่าด้วยน๊า สถานที่ท่องเที่ยวของประเทศนี้ก็ครบเครื่องมาก ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่งดงาม ทัศนีภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีอารยธรรมโบราณ มีสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่สะดุดตา ถูกใจนักถ่ายภาพเป็นอย่างมาก เพราะจะถ่ายจุดไหนก็สวย รูปออกมาก็ปังสุดๆ แล้วบอกเลยว่าที่นี่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวมากมายได้เพลิดเพลิน วันนี้ ทราเวลสปรี จะพาท่านไปสถานที่เที่ยวยอดนิยมและจุดไฮไลท์ที่บอกเลยว่าถ่ายรูปออกมายิ่งกว่าปังแน่ๆ และจะพาไปร่วมสนุกกับกิจกรรมในตุรกีกัน  

รู้จักประเทศตุรกีกันสักหน่อย

ประเทศตุรกี ตั้งอยู่ทางฝั่งเอเชียตะวันตก ติดกับยุโรป มีพื้นที่ 3% อยู่ในยุโรป เป็นประเทศที่มีทะเลล้อมรอบถึง 3 ด้าน คือทางตะวันตกเป็นทะเลอีเจียน, ทางเหนือเป็นทะเลดำ และทางใต้เป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือยังมีทะเลมาร์มมะราอีกด้วย เป็นประเทศที่มีพื้นที่อยู่ทั้งทวีปยุโรป และทวีปเอเชีย โดยในฝั่งทวีปเอเชียนั้นจะเรียกว่า อนาโตเลีย ส่วนพื้นที่ทางฝั่งยุโรปจะเรียกว่า เทรซมีช่องแคบบอสพอรัส ทะเลมาร์มะรา และช่องแคบดาร์ดาเนลเลสเป็นตัวแบ่งแยก โดยทางฝั่งเอเชียจะเต็มไปด้วยอารยธรรมเก่าแก่ ส่วนทางฝั่งยุโรปก็จะเต็มไปด้วยความเจริญทันสมัย บรรยากาศค่อนไปทางฝั่งตะวันตก
ภูมิอากาศของประเทศตุรกี ในแต่ละภูมิภาคจะไม่เหมือนกัน เพราะมีธรรมชาติที่แตกต่างกัน ทางฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน หน้าร้อนก็จะร้อน ส่วนหน้าหนาวอากาศจะอบอุ่น และมีฝนตก ส่วนทางตอนกลางนั้นจะมีภูเขากั้น ทำให้ในฤดูหนาวจะหนาวมาก บางครั้งติดลบถึง -30 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว และบางครั้งก็มีหิมะยาวนานกว่า 4 เดือน 
ศาสนา สิ่งที่โดดเด่นมาก ๆ ของคนตุรกีก็คือเรื่องศาสนา ชาวตุรกีกว่า 90% นับถือศาสนาอิสลาม แต่ไม่ได้เคร่งครัดเหมือนทางฝั่งตะวันออกกลาง ทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็แต่งกายเหมือนกับชาวตะวันตกทั่วไป ผู้หญิงได้รับความเท่าเทียมในสังคม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคล

ทะเลสาบเกลือ

ทะเลสาบเกลือ (Lake Tuz) ทะเลสาบสีแดงชมพูสุดแปลกในตุรกี เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศตุรกี และเป็นหนึ่งในทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสาเหตุที่มีน้ำทะเลเป็นสีแดงก็เพราะว่าแท้จริงแล้วมันคือสีของสาหร่าย ‘Dunaliellam salina’ นั่นเอง ซึ่งสาหร่ายานี้ไม่มีอันตรายเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังเป็นสาหร่ายที่ถูกนำไปใช้ในเครื่องสำอาง และอาหารเสริมต่างๆ อีกด้วย ในช่วงหน้าฝนก็จะมีน้ำอยู่ในทะเลสาบมองเห็นเป็นเงาสะท้อน พอถึงช่วงฤดูร้อน น้ำในทะเลสาบจะค่อยๆ แห้งไป และจะเหลือเพียงแค่แผ่นเกลืออยู่เต็มไปหมด แต่ถ้าหากถึงช่วงฤดูฝนเมื่อไหร่ล่ะก็ น้ำในทะเลสาบสีแดงแห่งนี้ ก็จะกลับมาเต็มเหมือนเดิม มองเห็นเป็นพื้นสีขาวสุดลูกหูลูกตา และที่ทะเลสาบเกลือแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง Star War อีกด้วย

สานอตาเติร์ก (Ataturk Mausoleum)

สานอตาเติร์ก (Ataturk Mausoleum) อนุสรณ์สถาน หรือ สุสานขนาดใหญ่ของ “มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก” บุคคลสำคัญผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งชาวเติร์ก ของประเทศตุรเคีย และเป็นประธานาธิบดีคนแรกผู้นำตุรเคียเข้าสู่ยุคใหม่ สุสานแห่งนี้ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์และลานสำหรับทำพิธี ทำให้ชาวตุรเคียจำนวนไม่น้อยเดินทางมาด้วยวัตถุประสงค์คล้ายการจาริกแสวงบุญ

เกอเรเม่ (Göreme)

เกอเรเม่ (Göreme) นครโบราณกลางป่าหิน เป็นภูเขาหินรูปทรงต่างๆ มีความสวยงามและแปลกตาเป็นอย่างมากเมื่อมองจากมุมสูง เกอเรเม่ เป็น เมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสาป ณ ตุรกี เกอเรเม มีพื้นที่กว้างราว 1,000 ตารางกิโลเมตร เป็นจุดที่มีลักษณะแปลก เพราะมีผาหินและแท่งหินแหลมจำนวนมากผุดขึ้นมาจากพื้นดิน เรียกกันว่า ฮูดู หรือ ปล่องไฟนางฟ้า เกิดจากการก่อตัวของชั้นหินและการสะสมของแร่ธาตุ จนเป็นแท่งหินสูงและปลายแหลมคล้ายพีระมิด ด้วยความแปลกตา สงบและไกลผู้คน กลุ่มนักบวชจึงเริ่มเข้ามาสร้างอารามในช่วงที่คริสตศตวรรษที่ 4 และต่อมาในสมัยที่โรมันมีอำนาจ ศาสนาคริสต์ได้เข้ามาแทนที่และกลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของคริสเตียน กระทั่งในช่วงกลางคริสศตวรรษที่ 9 ชาวบ้านสร้างเมืองเล็ก ๆ ขึ้นเป็นที่อยู่อาศัย รวมทั้งสร้างอารามใต้ดิน ประดับด้วยภาพเขียนเพื่อบูชาพระเจ้า  ปัจจุบัน เกอเรเม จัดเป็นอุทยานแห่งชาติ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 1985 และอุทยานแห่งชาติเกอเรเมกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเลื่องชื่อแห่งตุรกี โดยเฉพาะการขึ้นบอลลูนชมวิวเมืองจากเบื้องบน

เมืองโบราณเอเฟซุส (Ephesus)

เมืองโบราณเอเฟซุส (Ephesus) เป็นเมืองโบราณมีอายุเก่าแก่ นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศตุรกี ตั้งอยู่ในเมืองเอเฟซุส จังหวัดอิซเมียร์ ประเทศตุรกี เป็นเมืองในสมัยกรีกโบราณซึ่งเคยรุ่งเรืองและใหญ่เป็นอับดับสองของจักรวรรดิโรมันรองจากเมืองหลวงคือโรม เมืองโบราณเอเฟซุสได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก

ในอดีตเอเฟซุสเคยเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดของยุคโบราณ เป็นทั้งเมืองท่าที่สำคัญ เป็นประตูสำหรับการติดต่อค้าขายกับพ่อค้าทั้งจากเอเชีย โรมัน และเป็นศูนย์รวมของนักการเมืองนักปรัชญาในสมัยโบราณ เมืองนี้ยังเป็นบ้านของเฮอร์แรคลิตัส นักปรัชญาคนสำคัญยุคก่อนโสกราตีสอีกด้วย ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะหลงเหลือเพียงซากปรักหักพังแต่เราก็จะสัมผัสได้ถึงความอลังการในอดีต เพราะสถาปัตยกรรมที่หลงเหลือยังคงมีความสวยงาม สื่อออกมาให้เห็นถึงความอ่อนหวานและฝีมือที่ประณีต ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นของเทพเจ้า เทพี และลวดลาย และโครงสร้างของสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่ยังหลงเหลือให้ได้ชม

ภายในบริเวณอันกว้างใหญ่ของเมืองโบราณเอเฟซุส มีสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่สำคัญหลายอย่าง อาทิ โรงอาบน้ำ (Roman Bath) โรงละครโบราณ (Theatre) ที่จุผู้ชมได้ถึง 25,000 คน หอสมุดเซลซุส (The Library of Celsus) ซึ่งนับเป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมในสมัยนั้นและยังเป็นห้องสมุดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากอันดับ 1 คือห้องสมุดที่อเล็กซานเดรียน ประเทศอียิปต์ และอันดับ 2 ที่เมืองเพอร์กามัม (Ruins of Pergamum) ซึ่งอยู่ที่จังหวัดอิซเมียร์ประเทศตุรกีเช่นเดียวกันแต่ปัจจุบันไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว  

นอกจากนี้ เมืองโบราณเอเฟซุส ยังเป็นที่ตั้งของวิหารอาร์เทมิส ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก แม้ว่าปัจจุบันวิหารอาร์เทมีสที่เคยยิ่งใหญ่และงดงามในอดีตจะเหลือซากเสาอยู่เพียง 2 ต้นจากทั้งหมด 127 ต้น ซึ่งปรากฏให้เห็นอยู่บริเวณถนนทางเข้าฝั่งประตูทิศเหนือ แต่ซากเสาทั้งสองต้นและซากปรักหักพังต่างๆ พอจะแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองท่าแห่งอาณาจักรโรมันแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

เมืองเฮียราโพลิส&ปราสาทปุยฝ้าย

เมืองเฮียราโพลิส (HIERAPOLIS) เมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อนซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลงเหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไป เช่นโรงละครแอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ

ปราสาทปุยฝ้าย (PAMUKKALE)
  น้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นแร่หินปูนผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมากไหลลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามแปลกตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้ปามุคคาเล่และเมืองเฮียราโพลิสได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988 ชมความสวยงามของแอ่งน้ำหินปูนธรรมชาติตัดกับหน้าผาที่กว้างขวางมีลักษณะสวยงามมหัศจรรย์แตกต่างออกไปมากมายคล้ายหิมะ ก้อนเมฆหรือปุยฝ้ายน้ำแร่มีอุณหภูมิประมาณ 33 – 35.5 องศาเซลเซียส อิสระเก็บภาพประทับใจจนถึงเวลาอันสมควร

เมืองไอยวาลิค AYVALIK

เมืองไอยวาลิค AYVALIK เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว โดดเด่นเรื่องของบ้านเรือนของเมืองที่มีสีสันสดใส ซึ่งได้รับอิทธิพลจากประเทศกรีซโบราณ เมืองไอยวาลิค เมืองชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลอีเจียนชายฝั่งของตุรกี เป็นดินแดนของการทำโรงงานทำมะกอกโบราณตั้งแต่สมัย ศต.18 ปัจจุบันเต็มไปด้วยสถานที่พักผ่อน คาเฟ่ร้านอาหาร ตรอกบ้านเรือนสีสันสดใส เหมาะสำหรับเดินถ่ายรูปเล่นหรือจะนั่งจิบกาแฟรับอากาศบริสุทธิ์ริมทะเลอีเจียน

ม้าไม้เมืองทรอย TROY WOODEN HORSE

ม้าไม้จำลองกรุงทรอย HOLLYWOOD TROY WOODEN HORSE หรือที่เรียกกันว่า ม้าไม้เมืองทรอย ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองชานัคคาเล่ ม้าไม้เมืองทรอยตามเรื่องเล่านั้นเกิดจากการต่อสู้ระหว่างกองทัพกรีกและกรุงทรอย ต่อสู้กันนานนับสิบปี กองทัพกรีกจึงคิดแผนการที่จะตีกรุงทรอยโดยการสร้างม้าไม้ โดยทหารกรีกได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ภายในซอกต่างๆของม้าและเข็นไปไว้หน้าเมืองทรอย ชาวเมืองทรอยเห็นก็นึกว่ากองทัพกรีกได้ถอยทัพยอมแพ้ไปแล้วและมอบม้าไม้จำลองเป็นของขวัญ จึงเข็นเข้าไปไว้ในเมือง ตกกลางคืนชาวทรอยนอนหลับหมด ทหารที่ซ่อนอยู่ในม้าก็ออกมาเปิดประตูให้กองทัพกรีกเข้ามาทำการยึด และเผากรุงทรอยจนย่อยยับ ซึ่งม้าไม้จำลองแห่งเมืองทรอยที่เห็นอยู่ในเมือง ชานัคคาเล่ นี้ได้รับมาจาก  กองถ่ายทำละคร วอเนอร์ บราเธอร์ ใช้ถ่ายทำละคร เรื่องทรอย เมื่อถ่ายทำเสร็จแล้วจึงยกให้เป็นสมบัติของที่นี่ตั้งแต่ปี 2004

ตลาดสไปซ์มาร์เก๊ต-ISTIKLAL STREET-TAKSIM SQUARE

ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต (SPICE MARKET) หรือตลาดเครื่องเทศ ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก เครื่องประดับ ชา กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ขนมของหวานขึ้นชื่อและถั่วหลากหลายชนิดให้เลือกสรร

ISTIKLAL STREET หรือที่เรียกว่า Grand Avenue Of Pera เป็นเส้นทางที่มีชื่อเสียงและดีที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองอิสตันบูล ตั้งอยู่บนย่านเก่าแก่ ซึ่งถนนเส้นนี้ ทอดยาวจาก จัตุรัส ทักซิม ไปจนถึงสถานี เบโยกลู เป็นถนนคนเดินที่หรูหรา ยาว 1.4 ก.ม. มีร้านค้า ร้านอาหาร ชื่อดัง ให้ทุกท่านได้เยี่ยมชมอย่างเพลิดเพลิน และมีอาคารที่รายล้อมด้วย อาคารยุค ออตโตมัน ตอนปลาย มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เป็นที่ดึงดูด นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ เป็นอย่างมาก จากนั้น อิสระให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินกับการ เดินชอปปิ้ง ถ่ายรูป 

TAKSIM SQUARE เป็นสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงและนับว่าเป็นหัวใจ ของ เมืองอิสตันบูลเลยทีเดียว ซึ่ง ไฮไลท์ของ TAKSIM SQUARE อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ รถรางสีแดงสด ที่วิ่งจาก จัตุรัส ทักซิม ไปตามถนน ใกล้กับ สถานีทูเนล ซึ่งเป็นสถานีรถไฟใต้ดิน ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเป็นอันดับสอง 

สุเหร่าสีน้ำเงิน- ฮิปโปโดรม-ฮาเจียโซเฟีย

สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) หรือ SULTAN  AHMET MOSQUE ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั้นเอง

ฮิปโปโดรม (Hippodrome) หรือจัตุรัสสุลต่านอะห์เมต เป็นจัตุรัสกลางเมืองที่แต่เดิมนั้นใช้เป็นสถานที่แข่งม้าและจัดงานเฉลิมฉลอง ปัจจุบันยังคงเป็นสถานที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์โบราณ เป็นจุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่าและเป็นจุดนัดพบฮิปโปโดรม สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเซปติมิอุสเซเวรุส เพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน ฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณ ในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธี แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมต ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น คือเสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล เสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7 Hippodrome มีชื่อเสียงจากรูปปั้นทั้งเจ็ดที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ Porphyrius นักแข่งรถม้าในตำนานชาวโรมัน โดยฐานของรูปปั้นทั้งสองปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Istanbul Archaeological Museum ที่อยู่ใกล้ๆ นอกจากนี้หนึ่งในหัวงูของ Tripod of Plataea ก็จัดแสดงอยู่ที่นั่นด้วย

ฮาเจียโซเฟีย Hagia Sophia 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง นับเป็นสิ่งก่อสร้างจากฝีมือมนุษย์ที่มีความสวยงามอลังการตั้งอยู่กรุงอิสตันบูล ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์พระเจ้าจักรพรรดิคอนสแตนติน เป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้ง เพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลามจวบจนถึงรัชสมัยของ  พระเจ้าจัสตินเนียนมีอำนาจเหนือตุรกีจึงได้สร้าง โบสถ์เซนต์โซเฟีย ขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุดได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆมาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬารต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิมเมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัย พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลาม



พระราชวังโดลมาบาเช่ Dolmabahce Palace

พระราชวังโดลมาบาเช่ Dolmabahce Palace หนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดนิยมของ ประเทศตุรกี ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลมาร์มาราในช่องแคบบอสฟอรัสฝั่งทวีปยุโรป สร้างด้วยหินอ่อน เป็นพระราชวังที่มีความสวยงามเกินบรรยาย การก่อสร้างสุดหรูหราอลังการที่ทุ่มสร้าง คิดเป็นเงินในปัจจุบันถึงประมาณพันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว พระราชวังแห่งนี้ สร้างโดยสุลต่านอับดุลเมจิต ในปี ค.ศ. 1843 - 1856 ยุคปลายอาณาจักรออตโดมัน เป็นพระราชวังสุดหรูหราอลังการ สะท้อนถึงความ คลั่งไคล้ยุโรปของสุลตานอับดุลเมจิต ออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ตั้งแต่ปากทางเข้าที่มีหอนาฬิกาสไตล์บารอกตั้งเด่นหราประตูพระราช่วังชั้นนอกขนาดใหญ่ ประดับตกแต่งตัวยลวดลายปูนปั้นอันวิจิตรงดงาม มีทหารยื่นรักษาการณ์หน้าทางเข้าอย่างขรึมขลัง สงบนิ่ง ด้วยทำเลที่เหมาะสมบนฝั่งบอสฟอรัสและความอลังการของพระราชวัง สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นไฮไลท์ที่โด่งดังของตุรกี 

พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace)

พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace) หรือที่รู้จักกันในชื่อวังสุลต่าน  หรือ ปัจจุบันคือ พิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ในนครอีสตันบูล, ประเทศตุรกี เป็นสถานที่จัดงานรับรองของรัฐ และเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว และเป็นที่เก็บรักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของมุสลิมเช่นเสื้อคลุมและดาบของมุฮัมมัดซึ่งมีประวัติความเป็นมาเกือบ 600 ปี พระราชวังทอปกาปี เป็นอีกหนึ่งเเลนด์มาร์คของเมืองอิสตันบูล โดยมีทั้งหมด 3 ส่วน คือพระราชวังชั้นนอก พระราชวังชั้นใน และ ฮาเร็ม พระราชวังแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอย่างศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุด อีกทั้งยังเป็นสถานที่ชมวิวเมืองอิสตันบูลได้ชัดเจนนับว่าเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามเเละน่าสนใจ หากท่านไหนมีโอกาสมาเที่ยวอิสตันบูล ประเทศตุรกี ที่นี่ก็นับว่าเป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาดมาเที่ยวชม 

พิพิธภัณฑ์เมฟลานา (MEVLANA MUSEUM)

พิพิธภัณฑ์เมฟลานา (MEVLANA MUSEUM) ได้รับการประกาศรับรองให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกแห่งสหประชาชาติ เป็นที่ตั้งของสำนักพวกเดอร์วิช (DERVISH) มีหน้าที่ในการชักชวนพลเมืองชาวคริสต์ในคาบสมุทรอนาโตเลีย ให้หันมานับถือศาสนาอิสลาม และลดช่องว่างระหว่างราษฏรกับผู้ปกครองชาวเซลจุก ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์นี้เป็นสุสานของเมฟานา เจลาเลดดิน ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับประดาฝาผนังแบบมุสลิม โดยใช้สีมากมายตระการตา ซึ่งหาชมได้ยาก และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา และบุตรของเมฟลานาด้วย

คาราวานซาราย Caravanserai

คาราวานซาราย Caravanserai จุดพักที่ทำการแลกเปลี่ยนสินค้าของเหล่าพ่อค้าคาราวานมาตั้งแคมป์รวมกัน นอกจากนั้นยังเป็นหนึ่งในเส้นทางสายไหมที่เริ่มจากอิสตันบูลไปยังเมืองจีน ลักษณะของคาราวานซารายก็จะคล้ายกับแคมป์ ด้านในมีประตูตรงกลาง มีที่ให้จอดรถม้า ที่กินข้าว ที่แลกเปลี่ยนสินค้า ที่พักทาส มีกำแพงหินล้อมรอบ และตรงกลางจะมีหอคอยเพื่อไว้สังเกตุการณ์รักษาความปลอดภัยจากรอบข้าง

กิจกรรมยอดฮิตในตุรกี

บอลลูนทัวร์
มาทัวร์ตุรกี ก็ต้องมาขึ้นบอลลูนชมวิว ถือเป็นกิจกรรมหลักของท่านที่บินมาตุรกีเลยทีเดียว ท่านจะได้สนุกกับกิจกรรมขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในมุมสูง การขึ้นบอลลูน นั้นเป็นสัญลักษณ์ของตุรเคีย จะพาให้ท่านเคลิมเคลิ้มไปกับการชมพระอาทิตย์ยามเช้า และชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย แบบพาโนราม่าวิว ชมเมืองอารยธรรมโบราณ เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ สัมผัสบรรยากาศมุมสูง เก็บภาพที่สวยงามรอบตัว เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ไม่ควรพลาด ถ้ามาตุรกีแล้ว อย่าลืมมาซื้อออฟชั่นขึ้นบอลลูนกันด้วยนะ

นั่งรถจิ๊บ  JEEP SAFARI หรือ JEEP TOUR
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ท่านจะได้เที่ยวชมเมืองคัปปาโดเกีย ตุรเคีย หนึ่งในการเดินทางที่สุดประทับใจ บนเส้นทางที่สุดตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจ ของเมืองประวัติศาสตร์นับล้านปี ชมความงามของหุบเขาที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติสรรค์สร้าง บอกเลยว่าเป็นอะไรที่สนุกมว๊ากกก

รถคลาสสิค CLASSIC CAR 
การนั่งรถคลาสสิคเปิดประทุนชมวิวบอลลูนอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่าเป็น UNSEEN ของเมืองคัปปาโดเกียแห่งนี้ ที่จะต้องมาถ่ายรูปคู่กับบอลลูนสีสันสดใส คู่กับรถเปิดประทุนสุดคลาสสิค นั่งรถเปิดประทุนสูดอากาศเย็นๆ ยามเช้า ชมวิวบอลลูนสดใสบนท้องฟ้า อย่าลืมแต่งตัวมาสวยๆ สีสันสดใส รูปออกมาได้ปังๆ ฉ่ำๆว๊าวกันไปเลย

ขับรถ ATV  ( ATV Tour)
เปิดประสบการณ์กับกิจกรรมมันส์ๆอีกกิจกรรมที่ควรลองสักครั้ง คือการขับรถ ATV ชมพระอาทิตย์ตก ชมความงามโดยรอบของเมือง บริเวณภาคพื้นดิน ที่รถเล็กสามารถที่จะตะลุย ลัดเลาะไปได้ ในภูมิประเทศที่มหัศจรรย์นี้ ท่านจะได้สัมผัสความสนุกสนาน สุดมันส์ ตื่นเต้น และได้ดูแท่งหินที่เป็นรูปประหลาดต่างๆอีกด้วย

ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) เป็นกิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่ถ้ามาเที่ยวที่ดินแดนสองทวิป ประเทศตุรกีนี้ก็จะไม่พลาดในการล่องเรือชมวิว ท่านจะได้เพลินเพลินกับการการชมสองฟากข้างทางของ ช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งมีวิวทิวทัศน์ที่น่าประทับใจ และความสวยงามในสถาปัตยกรรม ของคฤหาสน์บ้านเรือน ทั้งสไตล์ออตโตมัน และสไตล์ยุโรป ที่แปลกตาไปจาก ประสบการณ์ที่คุ้นเคย นอกจากนี้เส้นทางล่องเรือ ยังผ่านสถานที่สำคัญๆ และมีชื่อเสียงของ นครอีสตันบูล เช่น หอคอยกาลาตา พระราชวังโดลมาบาเช เป็นต้น สำหรับช่องแคบบอสฟอรัส มีความยาวประมาณ 30 กม. และมีความลึกแตกต่างกันไป ตั้งแต่ 36 ถึง 124 เมตร ในบริเวณตอนกลาง ส่วนที่แคบที่สุดอยู่บริเวณ ที่คั่นระหว่าง Kandilli และ Aşiyan ซึ่งมีความกว้าง 700 เมตร และส่วนที่กว้างที่สุด 3,700 เมตร อยู่ที่ทางเข้าด้านเหนือ 

ชมโชว์ระบำหน้าท้อง (Belly dance) เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งมีความแพร่หลายและมีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงามจนกลายมาเป็นการแสดงพื้นเมืองต่างๆของตุรกีอันลือชื่อที่น่าตื่นตาตื่นใจในปัจจุบัน 

จองทัวร์ตุรกี กับ ทราเวล สปรี นะ ^ ^

ที่เที่ยวในตุรกีมีเยอะแยะมากมาย มีครบทุกแบบ ทราเวลสปรี อยากแนะนำเชิญชวนให้ทุกท่านได้ลองมาเที่ยวตุรกีกันซักครั้ง แอ๊ดเชื่อว่าท่านจะต้องมีความสุขและมีช่วงเวลาดีๆความทรงจำดีๆกลับไปแน่นอน 

จำนวนผู้เข้าชม 159 ครั้ง