โดโลไมท์ เทือกเขาธรรมชาติอันมหัศจรรย์แห่งอิตาลีเหนือ
โดโลไมท์ (Dolomites) จุดหมายในฝันและหนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมของอิตาลี ที่ไม่ควรพลาด “โดโลไมท์” ดินแดนเทือกเขาหินปูน ยอดเขาแท่งแหลมสูงชันแปลกตา ธรรมชาติงดงามมหัศจรรย์ โดโลไมท์เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ที่ทอดยาว อยู่ในแคว้นทางตอนเหนือของอิตาลี ครอบคลุมพื้นที่ถึง 5 จังหวัด สวรรค์บนดินแห่งนี้คือความใฝ่ฝันของนักเดินทางทั่วโลก หากไปเที่ยวอิตาลีแล้วก็ต้องไปเยือนดินแดงแห่งนี้สักครั้ง โดยเทือกเขาโดโลไมท์ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ โดยองกรณ์ UNESCO ในปีพ.ศ. 2552 ในฐานะแหล่งธรณีวิทยาที่สำคัญต่อการค้นคว้าหินปูนโดโลไมท์ (Dolomitic Limestone) และมีความสำคัญต่อการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลกในตลอด 250 ล้านปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงที่ยังจมอยู่ใต้มหาสมุทรดึกดำบรรพ์ Tethys ก่อนจะโผล่พ้นขึ้นมาตั้งตระหง่านครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 140,000 เฮกตาร์ในอิตาลีตอนเหนือในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลให้เกิดการก่อตัวที่มีลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโดโลไมท์ที่เรียกกันว่า Dolomite Landscape วันนี้ ทราเวลสปรี จะพาท่านเยี่ยมชม ไฮไลท์ที่เที่ยวในโดโลไมท์ (Dolomites) ที่ไม่ควรพลาด
โบลซาโน่ เมือง Gateway สู่เขตอุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ และเป็นต้นกำเนิดของเวเฟอร์ชื่อดังอย่าง Loacker เมืองหลวงของแคว้น South Tyrol ชายแดนอิตาลี - ออสเตรียแห่งนี้ ถูกล้อมรอบด้วยภูเขา ป่าสน และไร่องุ่น มีย่านการค้าทันสมัย และ ย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมโบราณยุคกลาง พิพิธภัณฑ์มากมาย เช่น Museo Archeologico dell'Alto Adige พิพิธภัณฑ์มัมมี่ยุคทองแดงที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ถูกค้นพบบนเทือกเขาแอลป์ ไฮไลท์สุดน่ารักของโบลซาโน่อยู่ที่ตลาดนัดท้องถิ่นที่จะจัดขึ้นทุกวันเสาร์ เป็นตลาดนัดกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่ทอดยาวไปจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำ Ponte Talvera ที่มีของใช้ ของกิน ผลไม้ ดอกไม้ และอื่น ๆ สารพัดอย่าง โบลซาโน่ ยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย ไวน์ชั้นดีและเป็นเมืองที่สามารถเดินทางเข้าถึงได้ง่าย ทั้งโดยรถไฟและรถยนต์
เที่ยวออร์ทิเซ่ (Ortisei)
ออร์ทิเซ่ (Ortisei) อีกหนึ่งเมืองที่ถือเป็นประตูสู่ อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ เช่นกัน จากโบลซาโน่ ขับรถมาออร์ทิเซ่ใช้เวลาราว 40 นาที เมืองนี้ตั้งอยู่ในหุบเขา Val Gardena ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเทือกเขาโดโลไมท์ โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมสวยราวกับบ้านตุ๊กตา สีสันพาสเทล พร้อมศิลปะและวัฒนธรรมที่ได้รับอิทธิพลจากออสเตรีย กิจกรรมยอดนิยมเมื่อมาถึงที่นี่คือ การขึ้นกระเช้าเพื่อไปชมวิวสุดอลังการที่ Alpe di Siusi
Cortina D’ampezzo เมืองพี่เมืองน้องของ Ortisei อีกหนึ่งจุดชุมทางการท่องเที่ยวทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเทือกเขาโดโลไมท์ มีชื่อเสียงในฐานะเมืองสกีกลางหุบเขาที่คึกคัก หากมาเที่ยวอิตาลีแล้วอยากเล่นสกี ที่นี่เป็นแหล่งรวมสกีรีสอร์ทชั้นนำของโลก พร้อมวิวเทือกเขาแอลป์สุดตระการตา จนถูกเลือกเป็นโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง James Bond 007: For Your Eyes Only Cortina ถือเป็น 1 ในเมืองยอดนิยมของโดโลไมท์ นอกจากกิจกรรมสำหรับคนรักธรรมชาติแล้ว ยังมีร้านแบรนด์ดังให้ช้อปท่ามกลางบรรยากาศสวยงามของเมืองด้วย
ที่ราบสูงอัลไพน์ (Seiser Alm)
ที่ราบสูงอัลไพน์ (Seiser Alm) ที่ราบสูงอัลไพน์บนยอดเขาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปหรือที่รู้จักกันในอีกชื่อคือ Alpe di Siusi วิธีขึ้นไปชมวิวที่ดีที่สุดคือ การนั่งกระเช้าลอยฟ้า Funivie Ortisei จากเมือง Ortisei หรือถ้ามีเวลาสามารถเที่ยวแบบ One Day Trip โดยใช้บริการรถม้าจากเมือง Monte Piana เพื่อขึ้นไปชมยอดเขา แลนด์มาร์คของ Seiser Alm คืออาคารไม้โบราณกลางลานหญ้าที่มีวิวของเทือกเขาโดโลไมท์สุดอลังการเป็นภาพพื้นหลัง กิจกรรมยอดนิยมบริเวณเนินเขาแห่งนี้คือ การเดินป่า ปีนเขา ปั่นจักรยาน เล่นเครื่องร่อน หรือนอนปิกนิกอาบแดดอย่างสบายใจ เอาใจสายกิจกรรมเมื่อมาเที่ยวโดโลไมท์อิตาลีอย่างแน่นอน
ทะเลสาบ Lago di Carezza ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ วิวหลักล้าน ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอุทยานโดโลไมท์ มีอีกชื่อคือ “Lec de ergobando” แปลว่า ทะเลสาบสายรุ้ง ตั้งชื่อตามสีของน้ำในทะเลสาบที่มีหลายเฉดสี ทั้ง สีเขียว สีฟ้าเทอร์ค้อย และสีน้ำเงิน ผสมกันสวยงาม มีฉากหลังเป็นป่าสนและเทือกเขา Latmar สูงเสียดฟ้า ตั้งสง่าห้อมล้อมทะเลสาบไว้ สะท้อนสีสันที่หลากหลายของธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ถือเป็นอีกจุดแวะถ่ายรูปที่พลาดไม่ได้
หมู่บ้าน Val di Funes ชุมชนเล็ก ๆ กลางหุบเขาทางฝั่งตะวันตกของอุทยานโดโลไมท์ อยู่ห่างจากเมือง Bolzano ประมาณ 30 กม. ทางตะวันออกเฉียงเหนือ หรือประมาณ 35 กม. ทางเหนือของเมือง Ortisei ประกอบไปด้วยหมู่บ้านเล็กหลายแห่ง เช่น San Pietro, San Giacomo, Valluzza, San Valentino และ Santa Maddalena หมู่บ้านท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมที่สุด เนื่องจากมีทิวทัศน์ที่สวยงาม แลนด์มาร์คสำคัญคือ โบสถ์ Saint Maddalena สีขาวบนทุ่งหญ้ากว้างสีเขียวเเซมด้วยดอกไม้ ฉากหลังเป็นยอดเขาหินปูน Odle - Geisler ตั้งตระหง่านตัดกับท้องฟ้าสีสดใส
เดินป่าที่ The Vallunga เส้นทางเดินป่าเลียบกำแพงหินผา Selva di Val Gardena เข้าสู่ชุมชน The Vallunga จุดเชื่อมต่อระหว่างกลุ่มเทือกเขาโดโลไมท์และเขตอุทยานแห่งชาติ Puez Geisler ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น UNESCO World Natural Heritage มีความโดดเด่นในด้านวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมในทุกซีซั่น เพราะสามารถมาเอ็นจอยกับกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เดินป่า ปีนหน้าผา ปั่นจักรยาน รวมถึงมาเล่นสกีในฤดูหนาวอีกด้วย อีกหนึ่งที่เที่ยวอิตาลีที่ไม่ควรพลาด
ยอดเขา Marmolada ยอดเขาที่สูงสุดสุดในอุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ มีฉายาว่า “The Queen of the Dolomites” ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของ Trentino และ Veneto Marmolada บนความสูง 3,342 ม. เหนือระดับน้ำทะเล ถือเป็นพิกัดที่ท้าทายเหล่านักผจญภัยทั่วโลกที่ต้องการขึ้นไปพิชิตยอดเขาแห่งนี้ให้ได้สักครั้งในชีวิต
ยอดเขา Cinque Torri di Cortina
ยอดเขา Cinque Torri di Cortina เอาใจนักปีนเขาเมื่อมาเที่ยวอิตาลีที่ยอดเขาสวยแห่งโดโลไมท์ที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นแท่งเขารูปร่างแปลกตา จำนวน 5 แท่ง มองเห็นได้แต่ไกล แต่ละยอดเขามีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีชื่อเป็นของตัวเอง ประกอบด้วย Torre Grande ยอดเขาที่สูงที่สุดในกลุ่ม Cinque Torri ความสูง 2,361 ม. จากระดับน้ำทะเล / Torre Second / Terza Torre / Quarta Torre และ Quinta Torre นอกจากนี้บริเวณเชิงเขายังมีลักษณะเป็นเนินเขาโล่งกว้างที่เหมาะสำหรับทริปปีนเขาสบาย ๆ หรือเล่นสกีในช่วงฤดูหนาว
ถ่ายรูปที่ Tre Cime di Lavaredo
ถ่ายรูปที่ Tre Cime di Lavaredo หนึ่งในเส้นทางเดินเขาและจุดถ่ายรูปไฮไลท์ที่มีชื่อเสียง ด้วยทัศนียภาพของยอดเขามหึมา 3 ยอด ในเทือกเขาเซกซ์เทนโดโลไมท์ ตั้งเรียงรายกันอย่างสวยงามตระการตาราวกับภาพวาด เป็นหนึ่งในความใฝ่ฝันของนักเดินเขาทุกคนที่ต้องการมาเห็นกับตา บนเส้นทางที่ยาวกว่า 10.3 กม. ที่คาบเกี่ยวทั้ง เทือกเขา Croda Passaporto และ Monte Paterno
ทะเลสาบ Lago di Braies “ไข่มุกแห่งโดโลไมท์” หนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก ด้วยผืนน้ำสีเขียวมรกตใสราวกับกระจก รายล้อมไปด้วยพืชพันธุ์เขียวชอุ่ม ต้นสนสูงใหญ่อุดมสมบูรณ์ ภูเขาหินปูนสูงเสียดฟ้า สวยงามอลังการราวกับภาพฝัน ตำนานเล่าว่า ทุก ๆ 100 ปี ในคืนพระจันทร์จะเต็มดวง ทะเลสาบมรกตแห่งนี้จะมีประตูเปิดสู่ดินแดนใต้พิภพ โดยจะมีเจ้าหญิงออกมาพายเรือและเป่าแตรเสียงดังไปทั่วบริเวณ ทำให้มีนักท่องเที่ยวนิยมมากางเต็นท์พักแรมริมทะเลสาบกันไม่ขาดสาย เพื่อหวังว่าจะได้พบเจอกับตำนานนี้ด้วยตัวเอง รอบ ๆ ทะเลสาบยังมีเส้นทางให้เดินชมธรรมชาติหรือจะพายเรือชมวิวก็ประทับใจไม่แพ้กัน
ช่วงเวลาในการเดินทางมาเที่ยวอิตาลีที่โดโลไมท์
โดโลไมท์สามารถเที่ยวได้ทั้งปี สวยงามในทุกฤดูที่แตกต่างกัน เดือนพ.ย. - ม.ค. เหมาะสำหรับการมาเล่นสกี และชมวิวเทือกเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาว เดือนมิ.ย. – ส.ค. เป็นช่วงที่ท้องฟ้าสดใส อากาศดี มีดอกไม้ป่าบานเต็มภูเขา เหมาะสำหรับสายเดินป่าหรือสายธรรมชาติ
จองทัวร์โดโลไมท์กับ ทราเวล สปรี นะ ^ ^
หากท่านเป็นผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ของภูเขา ป่า ทะเลสาบ ทราเวลสปรี ขอแนะนำให้ท่านได้มาเที่ยวโดโลไมท์กันสักครั้ง แล้วท่านจะหลงรักสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน
